สำหรับตอนนี้ ลิเวอร์พูล ต้องการแค่ชัยชนะ 6 เกมจาก 13 แมตช์ที่เหลืออยู่ก็จะการันตีการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และแน่นอนว่าผลงานชั้นยอดครั้งนี้ต้องยกเครดิตให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ กับลูกทีมของเขา แต่มีนักเตะอยู่หนึ่งคนที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นทั้งการเล่น และการเป็นผู้นำ นั่นก็คือ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม "หงส์แดง"
ผลงานและฟอร์มการเล่นของ "เฮนโด้" ได้รับการเชิดชูจากบรรดาเกจิลูกหนัง และเพื่อนนักเตะในวงการฟุตบอลอังกฤษ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีการป้องปากว่ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) ประจำฤดูกาล 2019/20 ซึ่งมาจากการโหวตของบรรดาเพื่อนร่วมอาชีพพ่อค้าแข้ง น่าจะเป็นของ เฮนเดอร์สัน
ด้วยความสุดยอดของทัพ "หงส์แดง" ที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นกว่าบรรดาเพื่อนร่วมลีกในซีซั่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ เฮนเดอร์สัน จะเป็นตัวเต็งในครั้งนี้ แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือนักเตะจากรั้วแอนฟิลด์ มีลุ้นที่จะคว้ารางวัลทรงเกียรตินี้เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยก่อนหน้านี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ครอบครองในปี 2018 และ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เมื่อปีที่ผ่านมา
ในฤดูกาลนี้มีการเปิดเผย 5 ตัวเต็งที่จะได้คว้ารางวัลพีเอฟเอ ได้แก่ เฮนเดอร์สัน, ซาดิโอ มาเน่, ฟาน ไดค์ และ "บังโม" โดยมี เควิน เดอ บรอย์น จาก "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สอดแทรกเข้ามา ซึ่งหาก "เฮนโด้" ได้รับเลือกคว้ารางวัลนี้จะทำให้นักเตะ "เดอะ เร้ดส์" ได้รับเกียรติ 3 ปีติดต่อกัน
ขณะเดียวกัน "เฮนโด้" ก็ได้เดินตามรอยตำนานทั้ง หลุยส์ ซัวเรซ, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, จอห์น บาร์นส์, เอียน รัช, เซอร์เคนนี่ ดัลกลิช และ เทอร์รี่ แม็คเดอร์มอตต์ ที่ได้รับรางวัลทรงเกียรตินับตั้งแต่ที่มีการมอบเมื่อปี 1973
การที่ เฮนเดอร์สัน มีโอกาสสูงมากที่จะคว้ารางวัลพีเอฟเอ ไม่ใช่ความสำเร็จเหมือนกับเทพนิยายที่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นการทำงานหนัก และไม่เคยยอมแพ้ นับตั้งแต่เขาย้ายจาก ซันเดอร์แลนด์ มาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ เมื่อปี 2011 ด้วยสนนราคาเพียง 20 ล้านปอนด์ (ราว 760 ล้านบาท)
ในเวลานั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่แยแสที่จะเซ็นสัญญากับ เฮนเดอร์สัน เนื่องจาก เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กังวลในเรื่องรูปแบบการวิ่งที่เสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บและอาจจะส่งผลต่อเส้นทางอาชีพของเขาในระยะยาวได้ ขณะเดียวกันสาวก "เดอะ ค็อป" ก็ไม่ค่อยปลื้มที่สโมสรคว้าเจ้าตัวมาร่วมทีมเช่นกัน
สำหรับในช่วงแรกๆ กับ "หงส์แดง" เขาต้องเจอกับความยากลำบากในการปรับตัว และไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้เลยภายใต้ยุคที่เซอร์เคนนี่ ดัลกลิช กุมบังเหียน จนกระทั่ง "คิง เคนนี่" อำลาตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม 2012 และในยุคที่ แบรนดอน ร็อดเจอร์ส คุมทัพ "เฮนโด้" เริ่มทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
กระนั้นในช่วงแรกๆ นายใหญ่ชาวไอร์แลนด์เหนือก็ไม่ได้เชื่อมั่นในตัวเขามากนัก และเตรียมแผนที่จะทำสัญญาแลกตัวกับ คลินท์ เดมป์ซี่ย์ แข้งตัวเก่ง "เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม ในช่วงซัมเมอร์ปี 2012 อย่างไรก็ตามเหมือนสวรรค์ขีดเส้นชะตาชีวิต เพราะ เฮนเดอร์สัน ได้อยู่กับทีมต่อไป จากนั้นก็พิสูจน์ศักยภาพของตัวเองมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะในปี 2014 เมื่อพวกเขาชวดได้แชมป์ลีก เมื่อโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำแต้มแซงหน้าในช่วงโค้งสุดท้าย
หลังจากนั้น เฮนเดอร์สัน เริ่มมีอิทธิพลกับทีมขึ้นมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อตำนานของสโมสรอย่าง "สตีวี่จี" ตัดสินใจโบกมือลา ลิเวอร์พูล ในปี 2015 และปลอกแขนกัปตันทีมได้ส่งมอบมาให้กับเขา โดย เจอร์ราร์ด ซึ่งนั่งกุมบังเหียนเรนเจอร์ส ได้เคยพูดถึง "เฮนโด้" ตอนที่เห็นรุ่นน้องชูโทรฟี่ แชมเปี้ยนส์ ลีก ว่า "ตอนที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ชูโทรฟี่แชมเปี้ยนส์ ลีก เหนือศีรษะของเขา ความรู้สึกแรกของผมก็คือมันช่างน่าภูมิใจจริงๆ"
"มันเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจที่ ลิเวอร์พูล ได้กลับมาเป็นทีมชั้นนำในวงการฟุตบอลถ้วยยุโรปอีกครั้ง และโดยเฉพาะความรู้สึกภูมิใจกับ จอร์แดน เพราะผมรู้ว่าเขาทำงานหนักมาแค่ไหน ผมรู้ว่าถึงความทุ่มและเสียสละของเขา ซึ่งมันเต็มไปด้วยความกดดัน และการโดนจับจ้องจากทุกๆ คน"
"ถ้าผมต้องเอ่ยชื่อใครซักคนที่ผมมองว่ามีความเป็นมืออาชีพสูง แน่นอนว่าต้องมีชื่อ จอร์แดน อยู่ในลิสต์รายชื่อของผม เขาทำงานได้ดีอย่างไม่มีที่ติ เขาเป็นต้นแบบที่น่าเหลือเชื่อ เขาไม่เคยเห็นแก่ตัว เขาไม่เคยคิดถึงตัวเองเพราะเขาใส่ใจคนอื่นๆ เป็นอันดับแรก เขาจะนึกถึงชื่อจอร์แดน เฮนเดอร์สัน เอาไว้หลังสุด"
"แน่นอนว่าเขาเป็นนักเตะชั้นยอดจริงๆ เขาวิ่งด้วยพละกำลังแบบไม่มีหมด คุณสามารถเชื่อใจเขาได้ เขาผ่านบอลได้ดีเยี่ยม และตลอดช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เขามีส่วนช่วยผลักดันให้ ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้อย่างสุดยอด นี่แหละกุญแจสำคัญของทีม" เจอร์ราร์ด ระบุ
สำหรับเรื่องความเสียสละและความเป็นมืออาชีพของ เฮนเดอร์สัน ซึ่งจะอายุครบ 30 ปีในเดือนมิถุนายนนี้ ไม่มีอะไรต้องสงสัย อย่างไรก็ตามในเรื่องของการจบสกอร์เจ้าตัวยังห่างชั้นกับ เจอร์ราร์ด โดย "เฮนโด้" เพิ่งจะยิงไป 3 ประตูจากการเล่น 24 เกมในซีซั่นนี้
ส่วนแอสซิสต์ทำได้ 4 ครั้ง, ผ่านบอล 1,484 ครั้ง และเสียบสกัด 53 ครั้งซึ่งมากที่สุดในทัพ "เดอะ เร้ดส์" และมากกว่า แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่เสียบสกัดเป็นอันดับ 2 ถึง 12 ครั้ง จากผลงานแบบนี้จึงทำให้หลายคนเริ่มมองเขาในฐานะกองกลางที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
ความยอดเยี่ยมของเขาส่วนหนึ่งมาจากการระดับการเล่นที่คงเส้นคงวา โดยเกมที่ต้นสังกัดชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 3-1 เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา เขาต้องนั่งดูเพื่อนร่วมทีมอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรองซึ่งเป็นเกมเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้ลงสนาม ส่วน 21 เกมในลีกได้ลงตัวจริง และเป็นตัวสำรอง 3 แมตช์จากทั้งหมด 25 เกมลีกที่ผ่านมา
การที่กองกลางเลือดผู้ดีมีปัญหาบาดเจ็บเท้าเรื้อรั้งในช่วงระหว่างปี 2015 และ 2017 ย่อมมีปัญหาอย่างมากในการเรียกความฟิต แต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้และสู้จนสามารถกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง ขณะเดียวกันในช่วงที่สืบทอดปลอกแขนกัปตันทีมต่อจาก เจอร์ราร์ด มีหลายคนสบประมาทเขามากๆ แต่มีอยู่ 1 คนที่ไม่เคยปรามาส เฮนเดอร์สัน เลย เขาคนนั้นก็คือ เจอร์เก้น คล็อปป์ !!
นายใหญ่ชาวเยอรมัน ซึ่งยังคงมอบตำแหน่งผู้นำให้กับ เฮนเดอร์สัน ตอนที่เขาเข้ามารับงานในปี 2015 ได้กล่าววลีเด็ดว่า "ถ้าใครที่อยู่กับเราแล้วยังมองไม่เห็นคุณภาพของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ผมคงไม่สามารถช่วยอะไรคนเหล่านั้นได้แล้ว เฮนโด้ เป็นนักฟุตบอลที่สมบูรณ์แบบหรือเปล่า ? ไม่นะ แล้วผมรู้จักใครที่สมบูรณ์ไหม ? ก็ไม่อีกนั่นแหละ แต่เขาเป็นนักเตะที่สุดสำคัญมากๆ ของเราใช่ไหม? แน่นอนที่สุด"
แม้ เฮนเดอร์สัน จะทำผลงานได้ดีเยี่ยมแต่เขาก็ไม่ใช่นักเตะที่โชว์ฟอร์มได้สุดยอดเพียงคนเดียวในทัพ "เดอะ เร้ดส์" ฤดูกาลนี้ ฟาน ไดค์ ก็เป็นผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่งในเกมรับ และยังมักจะขึ้นมาช่วยทำประตูให้ทีมได้อยู่บ่อยๆ เช่นเกียวกับ ซาดิโอ มาเน่ ที่เล่นได้อย่างโดดเด่น ขณะที่ โม ซาลาห์ ก็ยังคงรักษามาตรฐานชั้นยอดเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ เจมี่ วาร์ดี้ ก็ทำผลงานสุดยอดในช่วงต้นซีซั่น แต่ก็มีสะดุดบ้างในช่วงที่ผ่านมา ส่วน เดอ บรอย์น แม้จะได้รับการเชิดชูอย่างมากจากการเล่นที่โดดเด่นกับ "เรือใบสีฟ้า" แต่เมื่อมองจากผลงานโดยรวมของเขากับทีม ดูเหมือนอาจจะเป็นไปได้ยากที่เจ้าตัวจะได้รับเสียงโหวตเหนือ กัปตันทีม "หงส์แดง"
สิ่งที่ทำให้ เฮนเดอร์สัน โดดเด่นกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ในซีซั่นนี้ก็คือเขาไม่ได้โชว์ฟอร์มสุดยอดและคงเส้นคงวาในแผงกองกลางเท่านั้น แต่ยังเล่นได้ดีเมื่อถูกขยับให้ไปยืนทางฝั่งขวา แถมยังยิงประตู และแอสซิสต์ให้กับทีมอย่างในเกมชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน เป็นต้น
ไม่ใช่แค่คนกันเองชมกันเอง แต่คนนอกอย่าง จอร์จ เชซุส เทรนเนอร์ฟลาเมงโก้ ซึ่งแพ้ ลิเวอร์พูล ในศึกฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ได้กล่าวสรรเสริญ "กัปตันเฮนโด้" ว่า "เฮนเดอร์สัน เป็นมิดฟิลด์ที่เก่งที่สุดในโลกในตำแหน่งของเขา (เจอร์เก้น คล็อปป์) ไม่เคยดร็อปเขา"
สำหรับ สตีฟ แม็คมานามาน อดีตปีกทีมชาติอังกฤษ และลิเวอร์พูล เป็นอีกหนึ่งคนที่ยกย่อง เฮนเดอร์สัน ว่า "ในฐานะอดีตนักฟุตบอล และในฐานะคนที่มักจะได้ชมเกมเยอะมากจากบนอัฒจันทร์ซึ่งคุณจะมองเห็นภาพรวมทั้งหมด ผมประทับใจสิ่งที่ เฮนเดอร์สัน ทำ ผมคิดว่าเขาเป็นนักเตะที่สุดยอดจริงๆ"
"เขาก้าวขึ้นมาอยู่ในอีกระดับนับตั้งแต่ที่ เจอร์เก้น เข้ามาคุมทีม เขาเล่นได้หลากหลายตำแหน่ งและอย่างในเกมที่สู้กับ เชลซี กับ ท็อตแน่ม เขาขยับไปเล่นปีกขวา และก็เปิดบอลเข้าในเขตโทษซึ่งคล้ายๆ กับ เควิน เดอ บรอย์น ที่พูดนี่ไม่ใช่ว่าผมจะบอกว่าเขาเก่งเหมือน เควิน เดอ บรอยน์ หรอกนะ แต่การที่เขาต้องเป็นปีกขวาตั้งแต่เริ่มเกม และโยนบอลเข้าไปได้แม่นยำน่ะ มันก็หมายความว่าเขาเพิ่มคุณภาพให้กับเกมการเล่นของตัวเองอยู่ตลอดเวลา และนั่นบ่งบอกถึงคุณภาพของเขาได้เป็นอย่างดี"
ในยุคที่ฟุตบอลเน้นเรื่องการใช้สภาพร่างกาย และแท็คติก ทำให้นักเตะต้องรักษาระดับการเล่นให้สูงเอาไว้ตลอด โดย เฮนเดอร์สัน สามารถทำได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันในยามที่ทีมเสียแข้งสำคัญอย่าง ฟาบินโญ่ ที่ได้รับบาดเจ็บหนัก "เฮนโด้" ก็สามารถขยับมาเล่นในตำแหน่งโฮลดิ้งมิดฟิลด์ ก็ได้
ขณะที่เมื่อต้องกลับมาเล่นในตำแหน่งผู้เล่นหมายเลข 8 หรือ "บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์" ก็สามารถงัดฟอร์มสุดยอดได้ นอกจากนี้หาก คล็อปป์ จับให้ไปเล่นปีกขวา ก็ยังเปิดบอลได้แม่นยำ โดยสถิติบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาเปิดบอลยาวได้แม่นยำถึง 96 ครั้ง, เปิดบอลด้านข้าง 49 ครั้งโดยอัตราความสำเร็จ 18 เปอร์เซนต์ ส่วน เดอ บรอย์น เปิดบอลยาวแม่นยำ 74 ครั้งเท่านั้น
ก่อนหน้านี้มีหลายคนทั้งล้อเลียน และเย้ยหยันว่าน้ำหน้าอย่าง เฮนเดอร์สัน จะเป็นกัปตันทีมชูโทรฟี่ "บิ๊กเอียร์".....หลังจากนั้นเขาก็ทำได้ ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายคนที่พร้อมจะหน้าแหกอีกครั้งด้วยการปรามาส "เฮนโด้" เรื่องที่จะนำ "หงส์แดง" คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก....ตอนนี้เขากำลังจะทำให้เห็นแล้ว
ฉะนั้นในเวลานี้จะมีใครกล้าพอไหมที่จะออกมาแซวว่า เฮนเดอร์สัน จะคว้ารางวัลแข้งยอดเยี่ยมพีเอฟเอประจำฤดูกาลนี้ ?