นอกจากเรื่องการวางแท็กติกได้ดี, เป็นกุนซือที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และทำให้ทีมเล่นเกมรับได้เหนียวแน่นแล้วนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่ขึ้นชื่อลือชาของ โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก็คือการที่เขามักจะพูดรุนแรงได้กับทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งคนจากทีมเดียวกัน
เหยื่อรายล่าสุดในเรื่องนั้นก็คือ ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ มิดฟิลด์เจ้าของค่าตัวแพงที่สุดของ สเปอร์ส เพราะกุนซือชาวโปรตุกีสเคยออกมาพูดใส่กองกลางเจ้าของค่าตัว 65 ล้านปอนด์ว่า "เอ็นดอมเบเล่ น่ะเหรอ ? เขาเอาแต่เจ็บอยู่ตลอดเวลา วันหนึ่งเขาลงเล่นโดยที่ไม่มีอาการบาดเจ็บ แต่สัปดาห์ต่อมาเขากลับเจ็บซะอย่างนั้น" จนทำให้หลังจากนั้นมีข่าวลือว่า เอ็นดอมเบเล่ อาจจะโดนปล่อยออกจากทีม ทั้งที่เพิ่งย้ายมาเล่นกับ สเปอร์ส เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ที่จริงแล้วการพูดในครั้งนั้นอาจจะเป็นการทำไปเพื่อช่วยกระตุ้น เอ็นดอมเบเล่ ก็ได้ เพราะการใช้ไม้อ่อนมันไม่ได้เป็นผลดีเสมอไป และที่ผ่านมาก็มีนักเตะหลายคนที่ได้ดีจากไม้แข็งของ มูรินโญ่ เช่นกัน อย่างเช่น 3 คนที่เรายกมาเป็นตัวอย่างในครั้งนี้
- วิตอร์ บาย่า
มูรินโญ่ เข้าไปกุมบังเหียน เอฟซี ปอร์โต้ สโมสรในศึก พรีเมยร่า ลีกา โปรตุเกส เมื่อปี 2002 โดยที่ตอนนั้นเขาเพิ่งมีอายุเพียง 38 ปี ซึ่งด้วยความที่ตอนนั้นยังเป็นคนหนุ่มไฟแรง แถมเดิมทีก็มีนิสัยไม่ยอมใครเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ มูรินโญ่ พร้อมที่จะเปิดสงครามกับทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่ง บาย่า
ความบาดหมางของทั้งคู่เริ่มต้นในการซ้อมวันหนึ่ง และมันก็รุนแรงจนถึงขั้นที่ มูรินโญ้ สั่งห้าม บาย่า ทำกิจกรรมใดๆ ก็ตามร่วมกับทีมเป็นเวลา 1 เดือน อย่าว่าแต่การลงเล่นเลย แค่จะมาซ้อมกับสโมสร บาย่า ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ซึ่งตอนนั้นหลายคนก็คิดว่า บาย่า คงจะหมดอนาคตกับทีมแน่นอนแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น บาย่า ก็ได้กลายเป็นผู้รักษาประตูตัวหลักของทีม รวมถึงช่วยให้ มูรินโญ่ สร้างชื่ออย่างยิ่งใหญ่ในโลกลูกหนัง ด้วยการช่วยให้ ปอร์โต้ ได้แชมป์หลายรายการ อย่างเช่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ ยูฟ่า คัพ อย่างละ 1 สมัย โดยในปี 2015 บาย่า ให้สัมภาษณ์ถึงความบาดหมางในครั้งนั้นกับ มูรินโญ่ ว่า "นั่นเป็นจุดเปลี่ยนในอาชีพการคุมทีมของเขา ตอนนั้นเขายังอายุน้อยมากๆ และอยากแสดงให้เห็นว่าตัวเองมีดีแค่ไหน และเขาก็ทำอย่างนั้นได้จริงๆ"
- ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่
ถ้าถามว่านักเตะคนไหนที่เป็นคนโปรดในอาชีพการคุมทีมของ มูรินโญ่ แล้วล่ะก็ เชื่อได้ว่าชื่อของ คาร์วัลโญ่ คงโผล่มาเป็นลำดับแรกๆ ในใจของหลายคน เพราะแนวรับรายนี้เริ่มร่วมงานกับ มูรินโญ่ ที่ ปอร์โต้ ก่อนจะตามไปอยู่ที่ เชลซี ด้วยกัน แถมกุนซือชาวโปรตุกีสยังดึงเขาไปใช้งานที่ เรอัล มาดริด อีก
อย่างไรก็ตาม ที่จริงความสัมพันธ์ของทั้งคู่เคยดูเหมือนว่าจะร้าวฉานจนไม่มีวันดีกันได้ในตอนอยู่ที่ เชลซี เพราะ คาร์วัลโญ่ ไม่มีชื่อติดทีมในนัดเปิดฤดูกาล 2005-06 จนทำให้เขาออกมาตรำหนิ มูรินโญ่ อย่างหนัก แต่กุนซือคนดังก็ไม่ได้รู้สึกกลัวจนตอบโต้ไปว่า "ริคาร์ดด้ คาร์วัลโญ่ ดูเหมือนจะมีปัญหากับการพยายามทำความเข้าใจเรื่องต่างๆ นะ ผมว่าบางทีเขาน่าจะไปรับการตรวจหาไอคิวสักกหน่อยดีกว่า หรือไม่อย่างนั้นก็ไปโรงพยาบาลของคนโรคตจิตก็น่าจะเหมาะเหมือนกัน"
หลังจากนั้น คาร์วัลโญ่ ยังโดน เชลซี ปรับเงินด้วย แต่แทนที่จะหัวเสียจนขอย้ายออกจากทีม เขากลับฮึดสู้จนช่วยให้ "สิงโตน้ำเงินคราม" ประสบความสำเร็จอย่างมาก ก่อนจะกลายเป็นลูกรักคนหนึ่งของ มูรินโญ่ ในที่สุด
- โจ โคล
ในช่วงที่เขากำลังรุ่งสุดขีดนั้น โคล ได้รับการยกย่องจากแฟนบอลอังกฤษบางส่วนว่าเป็นนักเตะชาวอังกฤษที่มีเทคนิคการเล่นและลีลาดีที่สุดคนหนึ่งในรุ่นเดียวกัน แต่ มูรินโญ่ มักจะออกมาตำหนิ โคล กับสื่อหลายต่อหลายครั้ง โดยอันที่ทำให้คนพูดถึงกันมากที่สุดคงไม่พ้นเกม พรีเมียร์ลีก ที่ เชลซี เอาชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2004 เพราะทั้งที่วันนั้น โคล เป็นคนทำประตูชัยให้ทีม แต่กุนซือชาวโปรตุกีสก็ยังตำหนิเขา
"ทันทีที่เขาทำประตูได้เขาก็นึกไปเองว่าเกมมันจบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งที่จริงๆ หลังจากที่เขาทำประตูได้แล้วน่ะผมก็ต้องการให้นักเตะทั้ง 11 คนมามุ่งมั่นกับการเล่นเกมรับ แต่มันกลับกลายเป็นว่าสุดท้ายแล้วผมมีนักเตะมาช่วยเล่นเกมรับแค่ 10 คนเท่านั้น" มูรินโญ่ ระบุ
สำหรับบางคนแล้วถ้าโดนด่าแบบนี้อาจจะสูญเสียความมั่นใจจนท้อแท้ไปเลย แต่ไม่ใช่สำหรับ โคล เพราะมันกลับกลายเป็นการกระตุ้นให้เขาทำงานหนักกว่าเดิม และกลายเป็นกำลังสำคัญคนหนึ่งของ เชลซี ภายใต้การกุมบังเหียนของ มูรินโญ่ ซึ่งในภายหลัง โคล ก็เปิดใจว่า "มูรินโญ่ ใช้ไม้แข็งกับผมหลายครั้ง เขารู้ดีว่าจะทำยังไงให้ผมรู้สึกฮึกเหิม และรู้ดีว่าต้องทำยังไงถึงจะทำให้ผมโชว์ฟอร์มเก่งออกมาได้ เขารู้ว่าถ้าเขาดร็อปผม แล้วส่งผมลงเล่นแค่ 20 นาทีในนัดต่อไปแล้วล่ะก็ ผมก็จะเล่นอย่างเต็มที่ใน 20 นาทีที่ว่า"
- เด็กเกร็ดบอล -