วันที่ 15 ธันวาคม ปี 1995 ถือเป็นอีกหนึ่งวันที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสาคัญในวงการฟุตบอล เพราะนี่คือวันที่ศาลยุติธรรมแห่งยุโรป (The European Court of Justice) อนุญาตให้นักฟุตบอลในสหภาพยุโรปที่หมดสัญญา สามารถย้ายสังกัดได้แบบอิสระ ปราศจากค่าตัว ซึ่งนั่นก็มาจากการดิ้นรนต่อสู้ของอดีตนักเตะชาวเบลเยียมที่ชื่อว่า ฌอง-มาร์ก บอสแมน
นี่แหละคือที่มาของคำว่า "กฎบอสแมน" และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ (เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา) ก็ครบ 25 ปีแล้ว ซึ่งทาง เดอะ ซัน สื่อดังของอังกฤษ ก็ได้มีการจัดทีมรวม 11 แข้งฟรี ( Free Transfer) ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ต้องบอกเลยว่า แต่ละคนสุดๆ กันทั้งนั้น
- ผู้รักษาประตู : อีเกร์ กาซียาส
หลังจากที่หมดสัญญากับ เรอัล มาดริด ซึ่งเป็นสโมสรที่เจ้าตัวอยู่รับใช้มานานเกือบสองทศวรรษ กาซียาส ก็ได้ย้ายไปเล่นที่โปรตุเกสกับ ปอร์โต้ แบบไม่มีค่าตัวในปี 2015 และสามารถช่วยทีมคว้าแชมป์ลีก 1 สมัย (ซีซั่น 2017/18) ก่อนประกาศแขวนถุงมืออย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หลังมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ
- แบ็กขวา : คาฟู
ช่วย อาแอส โรม่า คว้า สคูเด็ตโต้ 1 ครั้ง (ซีซั่น 2000/01) ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่อยู่กับทีม ก่อนย้ายไปร่วมก๊วน เอซี มิลาน แบบฟรีๆ ในปี 2003 ซึ่งเจ้าตัวก็มีส่วนช่วยทีม "รอสโซเนรี่" ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคว้า สคูเด็ตโต้ 1 ครั้ง (ซีซั่น 2003/04) รวมถึงแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย (ซีซั่น 2006/07)
- เซนเตอร์แบ็ก : โฌแอล มาติป
มาติป ย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล แบบฟรีๆ ในปี 2016 หลังหมดสัญญากับ ชาลเก้ 04 ซึ่งถึงแม้มาแบบไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจ แต่ต้องบอกเลยว่า ปราการหลังร่างโย่งชาวแคเมอรูน ถือเป็นกำลังสำคัญคนหนึ่งที่ช่วย "หงส์แดง" คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (ซีซั่น 2018/19) ต่อด้วยการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก (ซีซั่น 2019/20) ซึ่งถือเป็นแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีของสโมสร
- เซนเตอร์แบ็ก : โซล แคมป์เบลล์
ถึงแม้ได้รับข้อเสนอสัญญาฉบับใหม่สุดงามจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แต่ในปี 2001 แคมป์เบลล์ กลับเลือกย้ายไปอยู่กับสโมสรคู่ปรับตลอดกาลอย่าง อาร์เซน่อล จนกลายเป็น "ไอ้คนทรยศ" ในสายตาของแฟนบอล "ไก่เดือยทอง" แต่ในแง่ของอาชีพการค้าแข้งแล้ว ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากๆ สำหรับ "บิ๊กโซล" เพราะเขาคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 2 สมัย (ซีซั่น 2001/02 และ 2003/04) และ เอฟเอ คัพ 2 สมัย (2001/02 และ 2004/05) ร่วมกับทัพ "ไอ้ปืนใหญ่"
- แบ็กซ้าย : เจมส์ มิลเนอร์
ถือเป็นแข้งสุดคุ้มของ ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริงสำหรับ มิลเนอร์ ที่ตัดสินใจมุ่งหน้าสู่ถิ่น แอนฟิลด์ ช่วงซัมเมอร์ปี 2015 หลังหมดสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะเขาเป็นนักเตะที่กุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ สามารถเรียกใช้งานได้ทุกบทบาทในแดนกลาง รวมถึงฟูลแบ็กทั้งสองข้าง นับเป็นอีกหนึ่งแข้งสำคัญของ "หงส์แดง" ชุดปัจจุบัน
- มิดฟิลด์ : อันเดรีย ปีร์โล่
จะว่าเป็นความผิดพลาดของ เอซี มิลาน ก็คงไม่ผิดนัก ที่เลือกปล่อยให้ ปีร์โล่ หมดสัญญาในปี 2011 แถมตัวนักเตะเลือกย้ายไปอยู่กับสโมสรคู่ปรับสำคัญในลีกอย่าง ยูเวนตุส ด้วย และผลลัพธ์คือ ปีร์โล่ ช่วยทัพ "ม้าลาย" กวาด สคูเด้ตโต้ ได้ถึง 4 สมัย (ซีซั่น 2011/12, 2012/13, 2013/14 และ 2014/15)
- มิดฟิลด์ : ปอล ป็อกบา
ช่วงซัมเมอร์ปี 2012 ป็อกบา หมดสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเป็น ยูเวนตุส ที่ซิวเจ้าตัวมาร่วมก๊วนแบบฟรีๆ ซึ่งเหมือนเป็นการได้เพชรเม็ดงามมาครอบครองโดยที่ไม่ต้องเสียเงินแม้แต่ยูโรเดียว เพราะ ป็อกบา เป็นกำลังสำคัญของทีมที่คว้า สคูเด็ตโต้ 4 สมัยรวด (ซีซั่น 2012/13 ถึง 2015/16) และสุดท้ายในปี 2016 "ปีศาจแดง" ต้องจ่ายเงินค่าตัวเป็นสถิติโลก (ณ เวลานั้น) ถึง 105 ล้านยูโร (ประมาณ 3,885 ล้านบาท) ในการพา ป็อกบา กลับคืนสู่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
- มิดฟิลด์ : มิชาเอล บัลลัค
แม้ได้รับข้อเสนอจากหลายสโมสร แต่ในช่วงซัมเมอร์ปี 2006 บัลลัค ได้ตัดสินใจเลือกซบ เชลซี ภายหลังจากที่หมดสัญญากับ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเจ้าตัวก็ประสบความสำเร็จไม่น้อยเลยทีเดียว ตลอดระยะเวลา 4 ปี (2006-2010) ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ แถมเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ "สิงห์บลูส์" ด้วย โดยเจ้าตัวได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก 1 สมัย, เอฟเอ คัพ 3 สมัย และ ลีก คัพ 1 สมัย ถึงแม้ต้องพบกับความผิดหวังในเกมรอบชิงฯ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่น 2007/08 ก็ตาม (แพ้ดวลจุดโทษ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
- ปีกขวา : เจย์-เจย์ โอโคชา
เก็บข้าวของย้ายร่วมทีม โบลตัน วันเดอเรอร์ส เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2002 หลังหมดสัญญากับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ซึ่งถึงแม้ไม่ได้แชมป์อะไรกับ "เดอะ ทร็อตเตอร์ส" แต่ตำนานแข้งทีมชาติไนจีเรียคนนี้ ถือเป็นนักเตะระดับโลกที่เข้ามาเพิ่มสีสันในเวที พรีเมียร์ลีก พร้อมกับช่วยยกระดับ โบลตัน ให้กลายเป็นทีมที่น่าสนใจขึ้นมา ณ เวลานั้น
- ปีกซ้าย : ราอูล
หลายๆ คนคิดว่า ราอูล คงหมดสภาพไปแล้ว ตอนที่เจ้าตัวหมดสัญญากับ เรอัล มาดริด ในปี 2010 (อายุ 33 ปี) และเลือกไปค้าแข้งในเวที บุนเดสลีกา กับ ชาลเก้ 04 แต่ที่ไหนได้ ตลอดระยะเวลา 2 ฤดูกาลกับทีม "ราชันสีน้ำเงิน" นั้น ราอูล กดไปถึง 40 ประตู จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 98 นัด แถมช่วย ชาลเก้ คว้าแชมป์ เดเอฟเบ-โพคาล ได้ทันทีตั้งแต่ซีซั่นแรก และในซีซั่นนั้น ชาลเก้ ยังไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (ก่อนโดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขี่ยร่วง) ด้วย
- กองหน้า : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
นี่คือดีล Free Transfer ที่เจ๋งสุดตลอดกาลเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็ต้องชื่นชมความสุดยอดของ บาเยิร์น มิวนิค ที่สามารถฉกตัว เลวานดอฟสกี้ มาร่วมก๊วนได้แบบฟรีๆ ในช่วงซัมเมอร์ปี 2014 ภายหลังจากที่ตัวนักเตะหมดสัญญากับสโมสรคู่ปรับสำคัญอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์... จากตอนนั้นจนถึงตอนนี้ เลวานดอฟสกี้ คว้าแชมป์กับ "เสือใต้" มากถึง 15 รายการ พร้อมกับกระซวกไปแล้วถึง 262 ประตู จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 305 นัด
- Subinho -