ศึกพรีเมียร์ลีกวันบ็อกซิ่งเดย์เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยค่ำวันนี้จะเปิดสนามกันด้วยบิ๊กแมตช์ระหว่างสองทีมที่กำลังไล่ล่าหัวตาราง เลสเตอร์ ทีมอันดับ 2 เตรียมปะทะกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 3 ถือเป็นเกมที่น่าดูน่าชมเป็นอย่างมากเนื่องจากทั้งสองทีมกำลังอยู่ในฟอร์มที่ดี ก่อนเกมเรามาดูประเด็นที่น่าสนใจกัน
1.มาร์กซิยาลสานต่อฟอร์ม
หัวหอก “ปีศาจแดง” โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลนี้หลังจากต้องใช้เวลาถึงพรีเมียร์ลีกวีกที่ 13 กว่าจะปลดล็อกประตูแรกได้สำเร็จ นอกจากฟอร์มในสนามจะน่าเป็นห่วงแล้ว เขายังทำให้ตัวเองโดนใบแดงจนโดนแบน 3 นัดติดต่อกันอีกต่างหาก ไม่แปลกใจที่คะแนนนิยมอของเขาในกองเชียร์ “เร้ด อาร์มี่” จะลดลงฮวบอย่างน่าใจหาย
หลายคนพูดถึงประเด็นเรื่องการเป็นกองหน้าตัวเป้าให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่ง มาร์กซิยาล ยังมีคุณสมบัติไม่ดีพอโดยเฉพาะเรื่องการหาตำแหน่งบวกกับคุณภาพในการจบสกอร์ บางครั้งมีโอกาสทองแต่เขาเปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้จนทำให้ทีมพ่ายแพ้ก็เคยมีมาแล้ว นั่นทำให้แฟนบอลเรียกร้องให้ เอดินสัน คาวานี่ หัวหอกวัยเก๋าที่ย้ายเข้ามาอยู่กับทีมในฤดูกาลนี้ยึดตำแหน่งตัวจริงแทน
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ มาร์กซิยาล กลับมาจากอาการบาดเจ็บที่ทำให้เขาพลาดเกมพ่าย ไลป์ซิก เมื่อต้นเดือนธันวาคม ผลงานของเขาก็กระเตื้องขึ้นอย่างชัดเจนโดยมีส่วนร่วมกับประตูที่ยิงได้ถึง 6 ลูกในทุกรายการ (4 แอสซิสต์กับอีก 2 ประตู) แม้เรื่องการจบสกอร์จะยังโดนตำหนิอยู่บ้างแต่อย่างน้อย กองหน้าชาวฝรั่งเศส ก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการตอบโต้เสียงวิจารณ์ต่างๆนาๆ และเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ คืนนี้เขาก็คงหวังจะต่อยอดฟอร์มที่ดีแบบนี้ให้ได้
2.สองทีมฟอร์มร้อนแรง
ถือเป็นการเจอกันแบบถูกที่ถูกเวลาซะเหลือเกินเพราะนอกจากอันดับจะอยู่ติดกันในตารางคะแนนแล้ว (เลสเตอร์ 2, แมนฯ ยูไนเต็ด 3) ทั้งสองทีมต่างกำลังมีผลงานสุดร้อนแรงไม่แพ้กัน
เริ่มจากฝั่งลูกทีม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส แม้จะไม่มีทีมไหนในครึ่งบนของตารางที่แพ้มากกว่าพวกเขา (5 ครั้ง) แต่ “เดอะ ฟ็อกซ์” ยังมีสถิติคว้าชัย 9 นัดเท่ากับจ่าฝูงอย่าง “หงส์แดง”
ช่วงระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายนจนถึง 3 ธันวาคม พวกเขาฟอร์มตกอย่างหนักหลังแพ้ 3 จาก 4 เกมในทุกรายการ อย่างไรก็ตามอดีตแชมป์พรีเมยีร์ลีกพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะ 4 จาก 5 เกมหลังสุดในทุกรายการ โดยเฉพาะการบุกคว้าสามแต้มสำคัญเหนือคู่แข่งหัวตารางอย่าง สเปอร์ส 2-1 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทางฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ผลงานในลีกอาจจะกระท่อนกระแท่นมาตลอดแถมในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังตกรอบแบ่งกลุ่มจนร้อนถึงเก้าอี้กุนซือโซลชาหลายครั้ง ทว่านายใหญ่ “ปีศาจแดง” พยายามเข็นทีมจนเอาตัวรอดมาได้ และเมื่อเรามามองดูผลงานช่วงหลังนับตั้งแต่พ่าย อาร์เซน่อล เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน “ผีแดง” ก็ยังไม่แพ้ใครในลีกมา 7 นัดติดต่อกันแถมกวาดชัยเรียบถึง 6 นัดอีกต่างหาก (เสมอ แมนฯ ซิตี้ นัดเดียว) พร้อมกระซวกคู่แข่งถึง 19 ประตูอีกต่างหาก
และที่สำคัญลูกทีมของ โซลชา มีสถิติที่ดีมากในการเล่นเกมเยือน โดยเก็บชัยตลอด 10 นัดหลังสุด ซึ่งในลีกสูงสุดมีเพียงแค่ 2 ทีมที่ชนะเกมเยือน 11 นัดติดต่อกันนั่นคือ เชลซี ในช่วงระหว่างเดือน เมษายน - ธันวาคม ปี 2008 และ แมนฯซิตี้ ในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม - ธันวาคม ปี 2017
3.บ๊อกซิ่งเดย์ผียิ้ม
แมนฯ ยูไนเต็ด ค่อนข้างถูกโฉลกเหลือเกินกับการลงเล่นในวันบ็อกซิ่งเดย์เนื่องจากพวกเขาพกสุดยอดสถิติเป็นทีมพรีเมียร์ลีกที่ชนะมากที่สุกในวันดังกล่าว (21 ครั้ง) คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ชนะถึง 81% โดย “ผีแดง” พ่ายแพ้ในวันที่ 26 ธันวาคมเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้นได้แก่ เกมแพ้ มิดเดิ้ลสโบรช์ ในปี 2002 (1-3) และเกมแพ้ สโต๊ค ซิตี้ ในปี 2015 (0-2)
ในทางตรงกันข้ามนับตั้งแต่ เลสเตอร์ ซิตี้ รีเทิรน์กลับมาสู่งลีกสูงสุดในปี 2014 พวกเขาปราชัยถึง 5 จาก 6 ครั้งที่ลงเล่นในวันบ็อกซิ่งเดย์ เกมเดียวที่พวกเขาไม่แพ้คือเกมทุบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ในปี 2018
4.จิ้งจอกสถิติไม่สู้ดี
เมื่อหันกลับมามองสถิติการเจอกันระหว่างทั้งสองทีมแล้ว เลสเตอร์ ซิตี้ อาจจะต้องกุมขมับเมื่อพวกเขาแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมพรีเมียร์ลีกถึง 19 ครั้งและเสียประตูมากถึง 60 ลูกซึ่งมากกว่าทุกทีมที่ทัพ “เดอะ ฟ็อกซ์” เคยเจอในลีก
ขณะเดียวกัน “ปีศาจแดง” พ่ายแพ้ในพรีเมียร์ลีกต่อ เลสเตอร์ ซิตี้ แค่ครั้งเดียวจาก 22 ครั้งหลังสุดที่เจอกัน (ชนะ 17 เสมอ 4) แถมทั้ง 22 ครั้งที่ผ่านมา “ผีแดง” ยิงประตูได้ตลอดทุกนัดด้วย สรุปแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ไร้พ่ายมาตลอด 11 ครั้งหลังสุดซึ่งครั้งสุดท้ายที่แพ้ต้องย้อนกลับไปในเดือนกันยายนปี 2014 ที่ “จิ้งจอกสยาม” เปิดบ้านเอาชนะ 5-3
5.บทพิสูน์ลุ้นแชมป์?
หลังจาก แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านยำใหญ่ใส่ ลีดส์ ยูไนเต็ด 6-2 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลายคนพูดถึงโอกาสลุ้นแชมป์ของ “ปีศาจแดง” เนื่องจากพวกเขาตามจ่าฝูงลิเวอร์พูลอยู่ 5 คะแนนแต่แข่งน้อยกว่าอยู่ 1 นัด นั่นหมายความว่าหาก โซลชา พาทีมคว้าชัยในนัดตกค้างได้สำเร็จจะทำให้แต้มห่างจ่าฝูงเพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น
บรรดากูรูทั้งหลายออกมาพูดถึงความเห็นเรื่องนี้เช่น รอย คีน ตำนานแมนฯยูไนเต็ด เชื่อว่าอดีตทีมรักของเขามีดีพอที่จะก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์ ขณะที่ แกรี่ เนวิลล์ อีกหนึ่งตำนานกลับเห็นต่างโดยมองว่า ทีมปีศาจแดง คงยากที่จะพูดถึงแชมป์ในซีซั่นนี้ ด่าน มาร์ค บอสนิช อดีตนายด่าน แมนฯ ยูไนเต็ด ก็แสดงความเห็นว่าทีมควรเน้นการติดท็อปโฟร์ก่อนเป็นอันดับแรก
ส่วน โซลชา ผู้จัดการทีมก็ลดความกดดันโดยขอไม่สนกับเสียงยกย่องที่ให้ทีมดีพอลุ้นแชมป์แต่ขอมุ่งเน้นให้ลูกทีมทำผลงานในสนามออกมาให้ดีที่สุดเป็นนัดๆไป อย่างไรก็ตามมันก็น่าคิดเหมือนกันว่าหากทีมบุกคว้าชัยชนะในเกมเยือนเลสเตอร์คืนนี้ พวกเขาจะแซงขึ้นมาอยู่อันดับ 2 พร้อมทำแต้มกดดัน ลิเวอร์พูล ที่จะลงเล่นในวันอาทิตย์ มันก็ไม่ใช่เรืองแปลกหากจะบอกว่าพวกเขาคงเป็นทีมที่ดีที่สุดในการต่อกรกับอดีตแชมป์ในเวลานี้
“Zvo”